เคล็ดในการคัดชุดเดรสแฟชั่นเกาหลีให้สวมต้องตาต้องใจเหมือนนางงาม

ผู้หญิงตะโพกใหญ่บ่าแคบ
เราร้องเรียกผู้หญิงที่มีลักษณะดังนี้ว่า Pear-shaped รูปร่างลูกแพร์ ชุดเดรสที่สมควรเลือกสรรควรจะเป็นชุดเดรสแฟชั่นเกาหลี ที่ไม่สั้นมากจนเกินไป คือว่าให้ความยาวเกือบถึงเข่าหรือเลยเข่าไปนิดหน่อย ก็เพราะว่าเดรสเหี้ยนมาก จะไปเน้นให้เห็นบั้นท้ายที่กว้างได้อย่างชัดแจ้งเมื่อเปรียบกับช่วงไหล่ ส่วนด้านบนเป็นคอวี หรือเปิดบ่าจะช่วยทำให้หุ่นคุณดูได้ส่วนสัดขึ้น

ผู้หญิงซูบโครงเล็ก
สมควรคัดชุดเดรสแฟชั่นเกาหลี ที่มีเลเยอร์ ดูมีหลายชั้น เดรสที่มีชั้นเชิงระบายฟ่องฟูฟู สีสว่างๆ จะช่วยกลบทรวดทรงผอมแห้งแรงน้อยให้ดูเปล่งปลั่งขึ้นมาได้ หรือไม่ก็หาเสื้อนอกหรือไม่คาร์ดิแกนมานุ่งทับกับเดรสอีกทีก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกจ๋า

ผู้หญิงเอวหนา
หมายถึงรูปร่างแบบ Apple-shaped รูปร่างแอปเปิ้ล ช่วงคัดเลือกชุดเดรสแฟชั่นเกาหลี สมควรคัดเลือกแบบที่เป็นเหตุให้หุ่นดูเพรียวslim สูงขึ้น ไม่ใส่สายรัดเอวเส้นใหญ่ หรือไม่เดรสที่มีออกแบบทำให้หลงรักให้มองไปยังศูนย์กลางของร่างกายและจิตใจ แต่ถ้าอยากใส่สายรัดเอวเพื่อไม่ให้เดรสพองฟ่องฟูดูตัวอุดตันก็ให้เลือกเข็มขัดเส้นเล็กๆ หรือไม่ก็จะเป็นดีไซน์โซ่น่าจะเหนือชั้นกว่า

http://ganskashop.com เสริมเติมเคล็ดการกรองเครื่องแต่งตัวให้เหมาะกับหุ่นกันบ้างนะคะ อย่างที่รู้ๆกันอยู่แล้วว่าการแต่งกายสมควรเลือกจากลักษณะสรีระของตนเองเป็นสำคัญ การกรองใส่เครื่องแต่งตัว เครื่องแต่งตัวที่เหมาะสมกับสัดส่วนของตนเองรวมถึงรูปหน้าของคุณๆ ด้วยนอกจากจะทำให้คุณสวยงาม มีรสนิยมแล้ว ยังเป็นเหตุให้ตัวคุณมีความเชื่อมั่นเพิ่มพูน

เทคโนโลยีล่าสุดกับพลังงานแสงอาทิตย์ แหล่งพลังงานในอนาคต

จากความหลากหลายของแหล่งที่การผลิต การก้าวข้ามปัญหา ไปจนถึงเพิ่มความสวยงามให้ตัวกำเนิดพลังงานแสงอาทิตย์ การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้โดยตรงที่ไม่ต้องอาศัยเทคโนโลยีสูงนักหรือสลับซับซ้อนนัก การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในอนาคต
– เซลล์แสงอาทิตย์ให้ความเย็น เซลล์แสงอาทิตย์สามารถมีอุณหภูมิได้สูงถึง 55 องศาเซลเซียสเมื่อรังสีของดวงอาทิตย์นั้นสาดส่องลงมา ซึ่งอุณหภูมิเหล่านั้นไม่เพียงแต่ลดประสิทธิภาพในการแปลงพลังงาน แต่ยังลดอายุการใช้งานอีกด้วย
– พลังงานแสงอาทิตย์บนวิวทิวทัศน์ ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ของเซลล์แสงอาทิตย์ ซึ่งสามารถประกอบลงบนวัสดุโปร่งใสเพื่อการผลิตพลังงานโดยที่ไม่บดบังวิวทิวทัศน์ได้ ซึ่งโดยทั่วไปนั้นเซลล์แสงอาทิตย์จะเป็นแบบมีสีเพื่อการดูดซับพลังงานให้ได้ดีที่สุด แต่การคิดค้นแบบโปร่งใส่จะสร้างความหลากหลายมากขึ้น
– แผงเซลล์แสงอาทิตย์จากแบตเตอรี่รถยนต์ใช้แล้ว เป็นแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน โดยนำตะกั่วจากแบตเตอรี่เก่ามาผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อให้พลังงานได้
– เซลล์แสงอาทิตย์แบบมีสีและกึ่งโปร่งใส่ สามารถนำไปเป็นเซลล์แสงอาทิตย์ที่ปรับใช้ยังตัวอาคารและหน้าต่างเพื่อการดักจับพลังงานได้
– แผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่ไม่มีวันสูญเสียโฟกัส ซึ่งสามารถโฟกัสและดักจับพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการผลิตไฟฟ้าได้ ระบบติดตามของพลังงานแสงอาทิตย์เข้มข้นนั้นสามารถเปลี่ยนการสะท้อนโดยขึ้นอยู่กับทิศทางของแสงอาทิตย์ที่มุ่งตรงมา เมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนระบบติดตามก็เคลื่อนตามอัตโนมัติ ซึ่งเซลล์แสงอาทิตย์ส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบกระจกและเลนส์ซึ่งต้องมีการเคลื่อนตามแสงอาทิตย์ ระบบติดตามแสงอาทิตย์นี้จึงให้ประโยชน์ทั้งการเพิ่มพลังงานจากแสงอาทิตย์ และเป็นการลดต้นทุนทางด้านพลังงานแสงอาทิตย์ด้วย
ปัจจุบันการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ จำแนกได้ 2 ประเภท ได้แก่ การผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ และการผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนจากแสงอาทิตย์ ซึ่งการผลิตไฟฟ้าด้วยแสงอาทิตย์ที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับประเทศไทย คือ การใช้เซลล์อาทิตย์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ทำให้การมองหาพลังงานทดแทนจากธรรมชาติเป็นที่สนใจ จะเห็นได้ว่าพลังงานจากแสงอาทิตย์สามารถให้พลังงานทดแทนได้ในหลายๆ ด้าน

วิทยาศาสตร์และด้านเทคโนโลยีของภาคอุตสาหกรรมไทยในการสร้างสรรค์ธุรกิจนวัตกรรม

“นวัตกรรม” เป็นการใช้ความรู้ ทักษะการบริหารจัดการ รวมทั้งประสบการณ์ทางด้านวิทยาศาสตร์และด้านเทคโนโลยี เพื่อการคิดค้น การประดิษฐ์ การพัฒนา การผลิตสินค้า การบริการ กระบวนการผลิต และการจัดการองค์กรในรูปแบบใหม่ ซึ่งโลกในปัจจุบันนี้หากองค์กรใดไม่สามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตนเองด้วยการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็ย่อมที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาวได้ยากและไม่สามารถก้าวขึ้นไปสู่การเป็นผู้นำของธุรกิจได้ ดังนั้น การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในระดับประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว จะช่วยขับเคลื่อนให้ไทยก้าวไปสู่เศรษฐกิจสังคมฐานความรู้ (knowledge-based society) และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกได้อย่างยั่งยืน

ศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมไทยในการสร้างสรรค์ธุรกิจนวัตกรรม

การที่จะขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยให้มีความสามารถในการสร้างสรรค์ธุรกิจนวัตกรรม จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและโดยเฉพาะภาคเอกชนที่ต้องมีการกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ที่ชัดเจน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมภายในองค์กร ดังเช่นสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเกิดจากการรวมกลุ่มของภาคเอกชนเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนภาคเอกชนในการสะท้อนปัญหา ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ ต่อภาครัฐ และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการกระจายการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้กับภาคอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ในการสร้างสรรค์ธุรกิจนวัตกรรม

ปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนานวัตกรรมของผู้ประกอบการไทย

ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางและเล็ก ซึ่งยังขาดความพร้อมด้านเงินลงทุนและบุคลากรด้านวิจัยและพัฒนาอย่างมาก ดังนั้น เอกชนไทยจึงยังไม่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีศักยภาพทางการแข่งขันในระดับสูงได้ ซึ่งแม้ว่าภาครัฐจะมีการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาอยู่แล้ว แต่งานเหล่านี้ก็ยังไม่สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจ นอกจากนี้ ในบางกรณียังอาจเป็นไปในลักษณะที่แข่งขันกับภาคเอกชนด้วย เช่น การพัฒนายาและผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่างๆ รวมทั้งยังขาดตลาดในการรองรับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากภาคเอกชนอีกด้วย

“วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย” ที่เขื่อมโยงกับ “ความคิด” และ “เทคโนโลยีสมัยใหม่”

รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ เพื่อปรับโครงสร้างการผลิตของประเทศด้วยการเชื่อมโยงธุรกิจภาคบริการ ภาคการผลิต และภาคเกษตรเข้าต้วยกัน โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์บนพื้นฐาน “วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย” ที่เขื่อมโยงกับ “ความคิด” และ “เทคโนโลยีสมัยใหม่” ซึ่งนัยสำคัญคือ สร้างระบบเศรษฐกิจที่ผสมผสานสินทรัพย์ทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย เข้ากับองค์ความรู้ที่ครอบคลุมทั้งเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัวขึ้น เป็นการสร้างมูลค่าและคุณค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้

สอดคล้องกับรูปแบบพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่เริ่มมองหาสิ่งใหม่ที่มากไปกว่าการใช้งานตามปกติ ทั้งในด้านของความสวยงาม สุนทรียภาพ และการตอบสนองความเป็นปัจเจกชน รวมทั้งการเกิดขึ้นของวิถีชีวิตใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถค้นหาข้อมูลของสินค้าและบริการด้วยตนเอง รวมถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตสินค้าและบริการ ทำให้เกิดโอกาสและช่องทางในด้านการแข่งขันของผู้ประกอบการของไทย

ซึ่งหากวิเคราะห์โอกาสของประเทศไทยพบว่า ประเทศไทยไม่ได้มีจุดเด่นด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือเงินทุนจำนวนมากที่จะสามารถสร้างความสามารถทางการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมของไทยได้ แต่ประเทศไทยมีทุนทางวัฒนธรรมที่สามารถนำมาผสมผสานและสร้างมูลค่าขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ดีภาคอุตสาหกรรมของไทยส่วนใหญ่เคยชินกับระบบทุนนิยมมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่อาศัยเทคโนโลยีและเครื่องจักรในสายการผลิต ทำให้การปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตกระทำได้ยาก แต่กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs นับได้ว่ามีข้อได้เปรียบมากกว่ากลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่เนื่องจากสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตหรือรูปแบบผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็วได้ง่ายกว่าผู้ประกอบการขนาดใหญ่ รวมถึงภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่แฝงอยู่กับกลุ่มผู้ประกอบการขนาดย่อมยังสามารถนำมาต่อยอดให้กับผลิตภัณฑ์และบริการให้มีมูลค่าสูงขึ้นได้ง่าย

โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดเศรษฐิกจเชิงสร้างสรรค์ เนื่องจากเป็นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการบนรากฐานของศิลปะและภูมิปัญญาของวัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นจุดขายให้กับผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการละเมียดและความแตกต่างของผู้บริโภค ซึ่งที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ OTOP หลายชนิดสามารถพัฒนากลายเป็นสินค้าชั้นสูงราคาแพงที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลก เช่น ผู้ประกอบการมีดอรัญญิกที่พัฒนาและใช้ทักษะการทำมีดมาประยุกต์ทำอุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร เช่น ช้อน ส้อม ที่มีราคาสูง เป็นต้น ดังนั้น การยกระดับและการสร้างผู้ประกอบการ SMEs ให้เป็น Creative SMEs ที่ใช้ “วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย” มาต่อยอด “ความคิดในการพัฒนาออกแบบสินค้าและบริการ” การใช้ “เทคโนโลยสมัยใหม่” ในการปรับปรุงคุณลักษณะให้เกิดเป็นสินค้าและบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่มีความหลากหลายในปัจจุบัน จึงเป็นเป้าหมายสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงเป็นรากฐานการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต

ประยุกต์ใช้ในงานสาธารณสุขและการแพทย์

เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง คือเครื่องมือสำหรับแพทย์ และอุปกรณ์ให้ความช่วยเหลือจะลดความยุ่งยากของผู้ดูแล ความก้าวหน้าในบริการด้านการแพทย์ รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เป็นคอมพิวเตอร์ ช่วยปกป้องชีวิตของผู้คน ผลิตภัณฑ์ของ THK สอดคล้องกับมาตรฐานที่เชื่อถือได้สูงสุด ที่เป็นที่ต้องการสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์

เทคโนโลยีสารสนเทศได้รับการนำมาใช้ในการพัฒนา ด้านสาธารณสุขอย่างกว้างขวาง และทำให้งานด้าน สาธารณสุขเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับระบบการบริหารงาน และนำเทคโนโลยี สารสนเทศมาใช้ในงานต่างๆ ดังนี้
รูปแสดงการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในวงการสาธารณสุขและการแพทย์
– ด้านการลงทะเบียนผู้ป่วย ตั้งแต่เริ่มทำบัตร จ่ายยา เก็บเงิน
– การสนับสนุนการรักษาพยาบาล โดยการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาล ต่างๆ เข้าด้วยกัน สามารถสร้างเครือข่ายข้อมูลทางการแพทย์ แลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ป่วย
– สามารถให้คำปรึกษาทางไกล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชำนาญ เทคโนโลยีสารสนเทศ จะช่วยให้แพทย์สามารถเห็นหน้า หรือท่าทางของผู้ป่วยได้ ช่วยให้ส่งข้อมูลที่เป็นเอกสาร หรือภาพเพื่อประกอบการพิจารณาของแพทย์ได้
– เทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยในการ ให้ความรู้แก่ประชาชนของแพทย์ หรือหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ได้ผลขึ้น โดยสามารถใช้สื่อต่างๆ เช่นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวมีเสียงและอื่นๆ เป็นต้น
– เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยให้ผู้บริหารสามารถกำหนดนโยบาย และติดตามกำกับการดำเนินงานตามนโยบายได้ดียิ่งขึ้น โดยอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องฉับไว และข้อมูลที่จำป็น ทั้งนี้อาจใช้คอมพิวเตอร์เป็นตัวเก็บข้อมูลต่างๆ ทำให้การบริหารเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
– ในด้านการให้ความรู้หรือการเรียน การสอนทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะดาวเทียม จะช่วยให้การเรียนการสอนทางไกล ทางด้านการแพทย์และสาธารณะสุข เป็นไปได้มากขึ้นประชาชนสามารถเรียนรู้พร้อมกันได้ทั่วประเทศและ ยังสามารถโต้ตอบหรือถามคำถามได้ด้วย

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและอาชีพได้

สำหรับผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและเป็นที่นิยมของผู้ซื้อ จึงมีส่วนช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันการพัฒนาผลิตภัณฑ์โอทอปยังคงประสบปัญหาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมวัตถุดิบรวมถึงการตลาด การผลิตสินค้าแต่ละครั้งมีคุณภาพไม่คงที่ กรรมวิธีไม่ทันสมัย และไม่สามารถผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ดังนั้น กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงาน ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจด้านบริการทางห้องปฏิบัติการและการให้บริการต่อสังคม เพื่อนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและอาชีพ ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ปัญหาเหล่านี้ จึงได้เข้าร่วมบูรณาการกับจังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้การส่งเสริมและสนับสนุนชุมชน ในการแก้ไขและพัฒนาการผลิตการตลาด และการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ โดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วย นอกจากนี้ยังได้มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์โอทอป ประเภทต่าง ๆ มาทำการทดสอบในห้องปฏิบัติการ เพื่อหาสาเหตุและปัญหา เพื่อเป็นแนวทางช่วยเหลือและพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างตรงจุด รวมทั้งมีการนำผลงานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มาถ่ายทอดให้ชุมชนและผู้ประกอบการได้นำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพให้เกิดประสิทธิภาพสู่ระดับสากลด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยส่งเสริมการสร้างคุณภาพผลิตภัณฑ์โอทอป เพื่อรายได้ที่ยั่งยืน

จะเห็นได้ว่าการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง อย่างเช่น สาธารณสุขจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด เกษตรจังหวัด บุคลากรในห้องปฏิบัติการมหาวิทยาลัยในภูมิภาค เพื่อนำไปใช้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการผลิตผลิตภัณฑ์ โอทอป ตั้งแต่ต้นถึงปลาย ฉะนั้นแล้วเพื่อให้สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์โอทอป ให้มีความรู้และมีความตระหนักถึงการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการผลิตผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค รวมทั้งสามารถยื่นขอการรับรองตามมาตรฐานได้ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตและพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งด้วย

ดังนั้น หากผลิตผลิตภัณฑ์ โอทอป มีประสิทธิภาพและทันสมัยขึ้นก็จะสามารถที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศได้อีกด้วย จึงส่งผลให้เกิดการกระจายรายได้ของคนในชุมชนและยังช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศได้อีกด้วย

การแพทย์ยุคใหม่กับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี

เทคโนโลยีทางด้านการแพทย์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการให้บริการผู้ป่วยและการจัดการบริหารงานภายในโรงพยาบาลจนวันนี้ เทคโนโลยีทางการแพทย์ไม่เพียงจำกัดแค่การให้บริการในวงการแพทย์แต่เทคโนโลยีทางการแพทย์ได้เข้ามามีบทบาทที่สำคัญทำให้ประชาชนและผู้ป่วยสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์ได้จากที่บ้านโดยไม่ต้องเดินทางเพียงแค่คลิกคอมพิวเตอร์ก็สามารถตรวจเช็คสุขภาพได้ โดยที่สามารถส่งข้อมูลสุขภาพไปยังแพทย์เจ้าของไข้ โดยการตรวจโรคผ่านระบบออนไลน์ ดังนั้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีแพทย์ทางไกลมาให้บริการผู้ป่วยสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลได้มากขึ้น

การแพทย์ไทยยุคใหม่เน้นระบบแพทย์ทางไกล เมื่อเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทต่อการให้บริการการแพทย์ ในประเทศไทยเองได้มีการนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาเสริม เพื่อยกระดับการให้บริการสาธารณสุข โดยเฉพาะกับประชาชนผู้ที่อยู่ห่างไกล และเทคโนโลยีเครือข่ายและระบบการแพทย์ทางไกล นับว่าเข้ามามีส่วนสำคัญที่ทำให้การรักษาพยาบาลภายในประเทศเกิดความเสมอภาพและเท่าเทียมกัน ซึ่งขณะที่ระบบการแพทย์ทางไกล มีการพัฒนาขึ้น การนำเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่มาใช้ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หรือที่เรียกว่า Medical Grid ซึ่งเป็นอีกก้าวของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ ทีจะทำให้การรักษาพยาบาลสามารถทำได้อย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นการพัฒนาระบบที่รวบรวมประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลส่วนที่เหลือ เพื่อมาใช้ประโยชน์และสร้างเป็นพลังประมวลผลที่มีความเร็วสูง ทั้งนี้การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในวงการแพทย์นั้นสามารถช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของการจัดเก็บข้อมูลคนไข้ที่กระจายในหลายๆ สถานพยาบาลทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลของคนไข้ระหว่างโรงพยาบาลสามารถทำได้ง่ายขึ้น เพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถดึงประวัติคนไข้ ตามสถานพยาบาลต่างๆ มาเป็นข้อมูลเพื่อทำการรักษาอย่างต่อเนื่องได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที
จะเห็นได้ว่าการพัฒนาให้กลายเป็นศูนย์กลางบริการดูแลสุขภาพในภูมิภาคนั้น การปรับปรุงองค์กรให้โดดเด่น และรักษาความเป็นผู้นำให้ได้นั้น จำเป็นที่จะต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาเสริมด้วย เพื่อที่จะสามารถช่วยให้บริการด้านสุขภาพนั้นไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ รวมทั้งเทคโนโลยีนั้นยังช่วยให้การจัดการประสิทธิภาพขององค์กรอย่างเหมาะสมจทำให้ผู้บริหารสามารถทำการตัดสินใจสำคัญๆและปรับปรุงบริการรักษาพยาบาลให้ดีขึ้นได้ ฉะนั้นแล้วหากโรงพยาบาลมีการพัฒนาโดยการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการประสานงานก็จะทำให้เป็นที่พึงพอใจแก่ผู้ที่มารักษาอีกด้วย

การพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีโลจิสติกส์

ปัจจุบันประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันจากตลาดภายในและภายนอกประเทศอันเป็นผลมาจากการพัฒนาความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆและความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น โดยประสบกับปัญหาการขาดประสิทธิภาพของระบบการดำเนินงานในส่วนต่างๆ ทำให้การจัดส่งสินค้าและบริการไปถึงมือลูกค้าเป็นไปอย่างล่าช้า และไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว ธุรกิจในประเทศไทยจึงต้องการแนวทางใหม่ในการบริหารงานเพื่อให้สามารถที่จะจัดหาทรัพยากรที่เป็นองค์ประกอบทางการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อการใช้งาน รวมทั้งสามารถกระจายสินค้าไปถึงมือลูกค้าให้ได้มากที่สุด

เทคโนโลยีโลจิสติกส์มีบทบาทต่อการพัฒนาประเทศทางด้านต้นทุน

ความสามารถเชิงแข่งขัน คุณภาพ ระบบสารสนเทศระบบสื่อสารร่วมกับฮารด์แวร์ที่เกี่ยวข้องที่ถูกนำมาใช้ในการจัดการโซ่อุปทานจะช่วยในหลายบทบาทด้วยกัน อาจจะช่วยเหลือกระบวนการตัดสินใจ ช่วยปฏิบัติการติดตามควบคุมจัดเก็บและประมาลผลข้อมูล และช่วยเหลือในการสื่อสารระหว่างบุคคล บริษัท และ เครื่องจักร เป็นระบบจัดการโซ่อุปทานโดยทั่วไปแล้วจะเป็นเครื่องมือสนับสนุนและวางแผนปฏิบัติการระบบเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทวางแผนและจัดการปฏิบัติการลอจิสติ์กสผ่านทางการใช้ชุดซอฟท์แวร์ที่บูรณาการอยู่ทั่วทั้งระบบ ซึ่งช่วยให้เกิดความก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ในทางโลจิสติกส์เทคโนโลยีก็เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากจนถือว่าเป็นปัจจัยที่สําคัญที่สุดตัวหนึ่งในการแข่งขัน นักโลจิสติกส์ต้องรู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการ การคิดทบทวนให้ครบถ้วนถึงสาเหตุหลักของปัญหา และที่สำคัญต้องสอดคล้องกับเงินทุนที่มีอยู่ โดยต้องไม่ลืมที่จะพัฒนาบุคลากรควบคู่กันไปด้วย

ความจำเป็นในการพัฒนาและปรับปรุงโลจิสติกส์ทั้งด้านการผลิตบุคลากร และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง และในอนาคตอันใกล้นี้โลจิสติกส์จะเป็นตัวจักรสำคัญของภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอย่างแน่นอน เนื่องจากรัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และได้กำหนดให้โลจิสติกส์เป็นประเด็นหลักของประเทศ เพื่อเป็นการบริหารจัดการข้อมูลและสินค้าตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง เป็นการวางแผนเชิงกลยุทธ์สำหรับโลจิสติกส์  ศึกษาหลักการแก้ปัญหาและอภิปรายของโลจิสติกส์ สำหรับการวางแผนและการประสานความรู้ในแขนงต่างๆมาใช้ในการแก้ ปัญหาและวางแผน โดยเฉพาะการกำหนดนโยบายโดยเน้นการเลือกกลยุทธ์ทางธุรกิจ การวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยของระบบโลจิสติกส์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ

เทคโนโลยีชีวภาพที่มีการใช้เพื่อการเกษตรมีหลากหลายชนิด

เทคโนโลยีชีวภาพที่มีการใช้เพื่อการเกษตรมีหลากหลายชนิดที่เกิดขึ้น เช่น การพัฒนาพันธุ์พืชให้มีความต้านทานต่อศัตรูพืช โรคพืช การเพิ่มความทนทานของพืชต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมของภูมิประเทศ เช่นความแห้งแล้ง อุทกภัย การพัฒนาผลไม้ให้สุกงอมช้ากว่าปกติเพื่อลดความเสียหายในระหว่างการขนส่ง การเพิ่มผลผลิตพืชโดยไม่ต้องขยายพื้นที่เพาะปลูก การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อใช้ในการขยายพันธุ์พืชให้ได้จำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว การผลิตท่อนพันธุ์พืชที่ปราศจากโรคเพื่อการลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค การเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อการขยายพันธุ์กล้วยไม้ การปรับปรุงพันธุ์ไม้ดอกเพื่อให้มีอายุการปักแชกันให้ยาวนานขึ้นและมีกลิ่นหอม การปรับปรุงพันธุ์สัตว์ให้มีลักษณะที่ดี การขยายพันธุ์โคนมที่ให้น้ำนมสูงโดยการปฏิสนธิในหลอดแก้ว และการย้ายฝากตัวอ่อน การพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยโรคในกุ้งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค การนำจุลินทรีย์มาเปลี่ยนวัตถุดิบด้านการเกษตรที่มีราคาถูกเป็นพลังงานทดแทน การใช้เทคโนโลยีดีเอ็นเอตรวจสอบพันธุ์พืชและสัตว์เศรษฐกิจ เป็นต้น นอกจากนี้สำหรับการเกษตรด้านที่มีการกล่าวถึงความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมได้มีการนำเอาจุลินทรีย์เข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตปุ๋ยชีวภาพเพื่อทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี การลดการใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดยการพัฒนาพันธุ์พืชที่มีความต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืช หรือกระทั่งการใช้เชื้อจุลินทรีย์มาใช้สำหรับการกำจัดแมลงศัตรูพืช เช่นแบคทีเรียบีที หรือไวรัสเอ็นพีวี

การเกษตรที่อาศัยความรู้ทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพในการปรับปรุงพันธุ์หรือการพัฒนาพันธุ์ให้มีคุณสมบัติตามต้องการ สามารถทนต่อดินฟ้าอากาศได้ดีขึ้น ต้านทานโรคและแมลงศัตรูพืชได้ดีขึ้น หรือมีคุณค่างทางโภชนาการมากขึ้น ทุกขั้นตอนในการศึกษาจะต้องสามารถอ้างอิงได้ตามมาตรฐานสากล และมีระบบการดูแลอย่างใกล้ชิด และเมื่อมีข้อสรุปได้ว่าสิ่งที่ทดลองนั้นมีความปลอดภัยเท่ากับพืชเปรียบเทียบต่อสิ่งมีชีวิต คน และสิ่งแวดล้อม จึงจะได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ เช่นกรณีไวรัสใบด่างของมะละกอซึ่งมีแมลงหวี่ขาวเป็นพาหะ อันส่งผลให้ผลผลิตลดลงอย่างมากไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค จึงมีการใช้ความรู้ทางเทคโนโลยีชีวภาพทางด้านพันธุวิศวกรรมเพื่อการดัดแปรมะละกอให้มีความต้านทานต่อโรคไวรัส แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อยุติในเรื่องที่ว่ามะละกอพันธุ์ที่ต้านทานต่อโรคไวรัสนั้นจะมีผลกระทบต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม อย่างไรหรือไม่ ซึ่งไม่สามารถได้ข้อสรุปมาเนื่องจากไม่สามารถดำเนินการในขั้นตอนของการทดสอบในสภาพปลูกจริงได้ เนื่องจากความเห็นที่ขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มผู้ปฏิบัติงานกับกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับเทคโนโลยีชีวภาพ

เทคโนโลยีทางด้านวิทยาศาสตร์มีส่วนช่วยพัฒนาความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม

ในบรรดาองค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งหมด คอมพิวเตอร์ นับว่ามีบทบาทมากที่สุดต่อการเป็น องค์ประกอบที่สำคัญ คอมพิวเตอร์เป็น อุปกรณ์สื่อสารนิเทศที่มีบทบาทอย่างมากต่อสังคมสารนิเทศ คอมพิวเตอร์ เปลี่ยนแปลงสภาพการให้บริการสารนิเทศในห้องสมุดจากการเสียเวลา สืบค้นสารนิเทศหลาย ๆ นาที หรือหลายชั่วโมงมาเป็นเสียเวลา เพียงไม่กี่วินาที คอมพิวเตอร์เปลี่ยนแปลงสภาพความเป็นอยู่ของคนในสังคม เป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตที่มีบทบาทยิ่งกว่าเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่มนุษย์ได้ผลิตขึ้นใช้ในโลกมาก่อน คนในสังคมสมัยสังคมสารนิเทศจะเห็น พัฒนาการด้านนี้ได้อย่างเด่นชัด นับตั้งแต่มีการประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ ขึ้นใช้เป็นครั้งแรก คอมพิวเตอร์ไม่ใช่เพียงสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่กลับเป็นสิ่งที่คนในสังคมสารนิเทศ ต้องรู้จักและมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นอุปกรณ์และองค์ประกอบที่สำคัญของเทคโนโลยีสารนิเทศ ที่บรรณารักษ์จะต้องนำมาใช้อยู่ตลอดเวลา เครื่องคอมพิวเตอร์ได้รับการพัฒนามาโดยลำดับ ตั้งแต่ยุคแรก (พ.ศ. 2487-2501) จนถึงยุคปัจจุบัน (พ.ศ. 2531 เป็นต้นมา) ได้มีการนำเครื่อง คอมพิวเตอร์มาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เช่น งานจัดการเอกสารข้อมูลแบบ ต่าง ๆ งานระบบสารนิเทศเพื่อการจัดการและงานด้านระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support System) เป็นต้น และจากการแข่งขัน ในการผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีราคาถูก และสามารถใช้กันอย่างแพร่หลาย เป็นสิ่งหนึ่งที่จำเป็นในสังคมสารนิเทศ ปัจจุบัน

คอมพิวเตอร์มีส่วนช่วยพัฒนาความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ประดิษฐ์หุ่นยนต์ เพื่อใช้ในบ้านและหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ทั้งนี้หุ่นยนต์จะเป็นอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบการทำงานของอวัยวะ ส่วนบนของมนุษย์ ประกอบด้วยระบบทางกลของหุ่นยนต์ และระบบควบคุมหุ่นยนต์ ประกอบด้วยอุปกรณ์ควบคุม ซึ่งควบคุมการทำงานของ หุ่นยนต์โดยอัตโนมัติด้วยคอมพิวเตอร์ นับเป็นส่วนสำคัญที่สุดของหุ่นยนต์ ระบบควบคุมนี้ทำหน้า ที่เป็นสมองเก็บข้อมูลสั่งหุ่นยนต์ ให้ทำงานตรวจสอบและควบคุมรายละเอียดของการทำงาน ให้ถูกต้อง การประดิษฐ์หุ่นยนต์อุตสาหกรรมอำนวยประโยชน์ในการช่วยทำงานใน อุตสาหกรรมที่สำคัญคือ งานที่ต้องเสี่ยงภัยและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น โรงงานยา ฆ่าแมลง โรงงานสารเคมี ง านที่ต้องการความละเอียด ถูกต้อง และรวดเร็ว เช่น โรงงาน ทำฟันเฟืองนาฬิกา โรงงานทำเลนส์กล้องถ่ายรูป และงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ ซาก ๆ และ น่าเบื่อหน่าย เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ โรงงานประกอบวงจรเบ็ดเสร็จ หรือไอซี และโรงงานทำแบตเตอรี่ เป็นต้น การประดิษฐ์สิ่งของหรือผลิตภัณฑ์บางอย่าง ในโรงงานอุตสาหกรรม คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทอย่างสูงต่อการ ควบคุม การผลิตสินค้าโดยไม่ต้องใช้แรงงานคนมาก เป็นการประหยัดแรงงาน นอกจากด้านการผลิตสินค้าแล้ว คอมพิวเตอร์ยังมีส่วนช่วยต่อการจัด ส่งสินค้า ตามใบสั่งสินค้า การควบคุมวัสดุคงคลัง และการคิดราคาต้นทุนสินค้า เป็นต้น

ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย

27

ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา

พัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ลองย้อนไปในอดีตโลกมีกำเนินมาประมาณ 4600 ล้านปี เชื่อกันว่าพัฒนาการตามธรรมชาติทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกำเนินบนโลกประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ค่อย ๆ พัฒนามา คาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกันและพัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้ำ เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่ามนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษาพูด และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 500 ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์ ทำให้การสื่อสารด้วยข้อความและภาษาเพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว ก็มีการส่งภาพโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ทำให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานที่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แ ละสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจ่ายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเพื่อรายงานเหตุการณ์สด เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ จะเห็นได้ว่าในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลา